Hi folks, Happy New Year 2022 to all you guys. I’m so sorry for not posting any content for a couple of months because my home was renovated. And it was very hard to type on the mobile phone or company laptop. Anyways, my home was done already.
During my home was renovating. I found the interesting species of Cetoniinae from my brother named “Book”. He found the wild Glycyphana horsfieldi sinesis at his home in Roi-Et province. He kept it and lay it on the substrate in a rearing box. And of course, it provided eggs to him.
I got these larvae from him at the end of November. And after I reared them for a month and now it turns the adults already.
สวัสดีครับ เพื่อน ๆ สุขสันต์ปีใหม่ 2565 นะครับทุกคน ผมต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้โพสต์คอนเทนต์อะไรเลยเป็นเวลา 2 – 3 เดือน เพราะเนื่องจากบ้านผมรีโนเวท และมันเป็นเรื่องยากมาในการพิมพ์บนโทรศัพท์มือถือ หรือแล็ปท็อปของบริษัท อย่างไรก็ตาม บ้านก็เสร็จแล้ว
ในระหว่างที่บ้านผมกำลังรีโนเวทอยู่ ผมก็เจอสายพันธุ์ของด้วงดอกไม้ (Cetoniinae) จากน้องบุ๊ค เขาเจอด้วงดอกไม้วงแดงเดี่ยว (Glycyphana horsfieldi sinesis) ที่บ้านในจังหวัดร้อยเอ็ด เขาเก็บมันมาวางไข่ในวัสดุรองพื้นในกล่องเพาะ และมันก็ให้ไข่กับเขา
ผมได้รับหนอนมาประมาณสิ้นเดือนพฤศจิกายน และหลังจากที่ผมเลี้ยงพวกมันในหนึ่งเดือน และตอนนี้มันก็เป็นตัวเต็มวัยไปเรียบร้อยแล้ว
What kind of food do I feed them? | ผมให้อาหารชนิดอะไรให้พวกมันกิน?
Actually, most Cetoniinae consumes organic matters like dry leaves and flake soil. We usually found every beetle enthusiast feeds them with flake soil. But in the report “Proposals for breeding Asian and other difficult-to-breed species“[1] from Ben’s Beetle Breeding let me know that almost all Asian Cetoniinae has different suitable food in different species. I used the substrate was made from flake soil mixed with dry leaves (In case, I used dry rain tree leaves)
อันที่จริง ด้วงดอกไม้ (Cetoniinae) โดยส่วนมากกินพวกสารอินทรีย์ เช่น ใบไม้แห้ง และแมท (ในกรณีนี้ผมใช้แมทกว่าง) โดยเราจะพบเจอได้สม่ำเสมอว่าทุกคนที่เลี้ยงด้วงนั้นมักเลี้ยงด้วยแมทกว่าง แต่ในรายงาน “Proposals for breeding Asian and other difficult-to-breed species“[1] จาก Ben’s Beetle Breeding ทำให้ผมรู้ว่าด้วงดอกไม้ในทวีปเอเชียโดยเกือบทั้งหมดมีอาหารเหมาะสมที่แตกต่างกันในสายพันธุ์ด้วงที่แตกต่างกัน ผมใช้วัสดุรองพื้นทำจากแมทกว่างผสมกับใบไม้แห้ง (ในกรณีนี้ผมก็ใช้ใบก้ามปู)
Let’s find the cocoons! | ไปหากระเปราะดักแด้ด้วงดอกไม้กันเถอะ!
They made the pupal cocoons with the pieces of dry leaves with flake soil. The way to check whether which inside cocoon has an adult already is to open a hole by using a needle to crack the surface of cocoons. I apologized for not being able to capture how to open a hole during I was opening a hole.
พวกมันสร้างกระเปราะดักแด้ด้วยเสษชิ้นส่วนใบไม้แห้งกับแมทกว่าง ทางที่จะเช็คว่าภายในกระเปราะดักแด้อันไหนกลายเป็นตัวเต็มวัยแล้ว คือ เปิดรูโดยใช้เข็มทำรอยร้าวตรงบริเวณผิวของกระเปราะ ซึ่งต้องขออภัยด้วยที่ผมไม่สามารถถ่ายรูประหว่างที่ผมกำลังแกะเปิดรูกระเปราะอยู่
Keeping the cocoons and letting them emerges | เก็บกระเปราะดักแด้และปล่อยพักตัว
The method of keeping the cocoons to help a pupa shed a pupal skin for becoming an adult completely. We have to do not disturb and move them often. and the important thing does not break a cocoon because it is able to cause make a chance to your beetles die around 60 – 80%.
Bring the cocoons and put them on a rearing box that has flake soil on the bottom. And I keep in 20 ~ 25 °C. Even though “Small Cetonidae species – worth a report and your breeding effort“[2] reported that this species prefers warm temperature around 25 ~ 30 °C. In my opinion, it does not affect too much. We have to observe the behavior of any species that we are rearing. Because there are many breeders have different ways to rear them from egg to adult completely without a single method.
The size of cocoon is around 19.5 ~ 21.00 mm.
วิธีการเก็บรักษากระเปราะของด้วงให้สามารถลอกคราบดักแด้เป็นตัวเต็มวัยได้สมบูรณ์ คือ เราต้องไม่รบกวนมันและไม่เคลื่อนย้ายมันบ่อย ๆ ได้ และที่สำคัญห้ามทำกระเปราะดักแด้แตก เพราะอาจทำให้ด้วงดอกไม้ตาย ซึ่งโอกาสตายมีได้ถึง 60 – 80%
นำเอากระเปราะดักแด้มาวางไว้บนถานหรือกล่องรองพื้นด้วยแมท เอาไว้ในการที่เย็นในอุณหภูมิ 20 ~ 25 °C ถึงแม้ว่าใน “Small Cetonidae species – worth a report and your breeding effort“[2] จะเก็บในอุณหภูมิ 25 ~ 30 °C ในความคิดเห็นส่วนตัว มองว่าอาจไม่มีผลมากนัก และยังต้องเฝ้าสังเกตพฤติกรรมมัน เพราะมีหลาย ๆ คนเลี้ยงด้วยวิธีที่ต่างกัน ก็สามารถทำให้ด้วงออกมาสมบูรณ์ได้เช่นกัน โดยไม่ต้องอิงแบบแผนเดียว
ขนาดของกระเปราะประมาณ 19.5 ~ 21.00 mm.
Lifespan expectancy | คาดเดาช่วงอายุ
This session is not academic lifespan information of Glycyphana horsfieldi sinesis. All of the information below is from my observation and gathering some resources from the internet.
ในส่วนนี้ ไม่ใช่ข้อมูลเชิงวิชาการของช่วงอายุของด้วงดอกไม้วงแดงเดี่ยว (Glycyphana horsfieldi sinesis) ข้อมูลทั้งหมดด้านล่างมาจากการสังเกตและรวบรวมข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต
Egg: 2 ~ 3 weeks | ระยะไข่: 2 ~ 3 สัปดาห์ |
Larva: 2 ~ 5 months | ระยะตัวอ่อน: 2 ~ 5 เดือน |
Pupa: 4 ~ 6 weeks | ระยะดักแด้: 4 ~ 6 สัปดาห์ |
Adult: 3 ~ 6 months | ตัวเต็มวัย: 3 ~ 6 เดือน |
External Links | แหล่งข้อมูลอื่น
- B. Harink, “Proposals for breeding Asian and other difficult-to-breed species,” Bens Beetle Breeding Pages, 20-Jul-2012. [Online]. Available: https://www.beetlebreeding.ch/breeding-tips/. [Accessed: 07-Jan-2022].
- B. Harink, “Small Cetonidae species – worth a report and your breeding effort,” Bens Beetle Breeding Pages, 22-Jul-2012. [Online]. Available: https://www.beetlebreeding.ch/small-cetoniidae-species/. [Accessed: 08-Jan-2022].